การตั้งผู้จัดการมรดก

การตั้งผู้จัดการมรดก ผู้มีสิทธิรับมรดก และส่วนแบ่งมรดก

           ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกเสียก่อนว่าคืออะไร

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 ได้ให้คำจำกัดความของมรดก ว่า “ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย  ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ  เว้นแต่ตามกฎหมายหรือโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้

          เมื่ออ่านถึงตรงนี้ เราสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า “มรดกจะต้องเป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ก่อนตาย  หากเป็นทรัพย์สินที่เกิดหลังตาย ไม่ใช่มรดก”   มรดกจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อเจ้าของทรัพย์สินนั้นตาย  หากไม่มีการทำพินัยกรรมไว้เป็นอย่างอื่น  จะต้องแบ่งมรดกให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเท่านั้น  ถ้าผู้ตายมีคู่สมรสก็ต้องนำทรัพย์สินมาแบ่งให้คู่สมรสด้วย  การสมรสในที่นี้คือการจดทะเบียนสมรสเท่านั้น

ดังนั้นการพิจารณาว่ามรดกคืออะไร  มีข้อพิจารณาดังนี้ คือ

 ทรัพย์สิน , สิทธิ , หน้าที่และความรับผิด เป็นของผู้ตายในขณะถึงแก่ความตาย หรือผู้ตายมีสิทธิที่จะได้รับอยู่แล้วก่อนถึงแก่ความตาย

                –  ทรัพย์สิน คือ ทรัพย์สินตามความหมายที่ได้บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137  ยังรวมถึง วัตถุมีรูปร่าง และมาตรา 138  รวมถึงทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและถือเอาได้

                – สิทธิ  หมายถึง สิทธิเรียกร้องให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ปฏิบัติตามสัญญา หรือตามที่กฎหมายให้อำนาจ

                –  หน้าที่และความรับผิด หมายถึง ภาระและความผูกพันที่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง จะต้องกระทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง  

ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก

          ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๐๓  บัญญัติว่า “กองมรดกย่อมตกทอดแก่ทายาท โดยสิทธิตามกฎหมายหรือโดยพินัยกรรม

ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม”

ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม”

          1. ทายาทโดยธรรม  ได้แก่ บุคคลที่ได้รับมรดกโดยผลตามกฎหมาย ที่กฎหมายกำหนดไว้โดยตรงว่าเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกหากเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ซึ่งตามมาตรา 1629 ได้กำหนดทายาทโดยธรรมมีทั้งหมด 6 ลำดับ  รวมถึงคู่สมรสด้วย

          2. ผู้รับพินัยกรรม เป็นกรณีที่เจ้ามรดกกำหนดไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้มีสิทธิรับมรดก  ซึ่งอาจจะเป็นทายาทโดยธรรมทั้ง 6 ลำดับ หรือเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ เป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลก็ได้  

การตั้งผู้จัดการมรดก

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 1711 บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกนั้น รวมตลอดทั้งบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล”

ฉะนั้น ผู้จัดการมรดกมีได้ 2 ทาง คือ

1. การตั้งผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรม

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1712 บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมอาจะตั้งขึ้นได้”

                (1)โดยผู้ทำพินัยกรรมเอง

                (2) โดยบุคคลที่ระบุไว้ในพินัยกรรม

2. การตั้งผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาล

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713  บัญญัติว่า ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้  ในกรณีดังต่อไปนี้

(1)  เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป  หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์

(2)  เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการหรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งมรดก

(3) เมื่อข้อกำหนดพินัยกรรม ซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใดๆ

สิทธิและหน้าที่ผู้จัดการมรดก

          1. ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ในการกระทำการใดๆ  เพื่อให้เป็นไปตามพินัยกรรม และเพื่อในการจัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719  บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะกระทำการอันจำเป็น  เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม  และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป  หรือเพื่อแบ่งทรัพย์มรดก

ตามที่ มาตรา 1719 ได้กำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดก ซึ่งให้อำนาจแก่ผู้จัดการมรดก กระทำการใดๆได้ทุกอย่างเพื่อให้จัดการมรดกสำเร็จลุล่วงไป  เช่น มีสิทธิฟ้องรียกร้องตามสิทธิที่เจ้ามรดกมีอยู่  หรือเรียกร้องทรัพย์มรดกที่ทายาทครอบครองอยู่ เพื่อนำมาแบ่งปันแก่ทายาทอื่น หรือจัดให้เป็นไปตามพินัยกรรมของผู้ตายได้ และการทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกดังกล่าวนี้  ผู้จัดการมรดกสามารถดำเนินได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบหรือความยินยอมจากทายาทอื่น  เพราะถือว่าผู้จัดการมรดกเป็นผู้แทนตามกฎหมายของทายาทอยู่แล้ว

          2. ผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทเสมือนตัวการ  ซึ่งรับผิดต่อตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1720 บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาท ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  809  ถึง 812 ,819 , 823   แห่งประมวลกฎหมายนี้โดยอนุโลม  และเมื่อเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ใช้มาตรา 831 บังคับโดยอนุโลม

เมื่อวิเคราะห์ มาตรา 1720 จเห็นได้ว่า ผู้จัดการมรดกเปรียบเสมือนผู้แทนตามกฎหมายของทายาททุกคน  มีหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะจัดการเกี่ยวกับกองมรดกแทนทายาททุกคน  เมื่อมีการจัดการมรดก จึงเปรียบเสมือนตัวแทน ทำการแทนทายาทที่เป็นตัวการมาตรา  1720  จึงให้นำบทบัญญัติเรื่องของตัวการ  ตัวแทน บางมาตรามาใช้ แต่อย่างไรก็ตาม  ทายาทจะสั่งการให้ผู้จัดการมรดกของผู้จัดการมรดกอยู่ในขอบอำนาจที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งมีอำนาจที่จะขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกที่ละเลยไม่ทำตามหน้าที่  ตามมาตรา 1727 ด้วย 

          3. ผู้จัดการมรดก มีหน้าที่จะต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณย์ มาตรา 1728 บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกต้องลงลายมือจัดทำบัญชี ทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน

(1) นับแต่เจ้ามรดกตาย ถ้าขณะนั้นผู้จัดการมรดกได้รู้ถึงการแต่งตั้งตามพินัยกรรมที่มอบหมายไว้แก่ตน หรือ

(2) นับแต่วันที่เริ่มหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1716 ในกรณีที่ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก หรือ

(3) นับแต่วันที่ผู้จัดการมรดกรับเป็นผู้จัดการมรดกในกรณีอื่น

และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 1729  บัญญัติว่า “ผู้จัดการมรดกต้องจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน นับแต่เวลาที่ระบุไว้ในมาตรา 1728  แต่กำหนดเวลานี้  เมื่อผู้จัดการมรดกร้องขอก่อนสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งเดือน  ศาลจะอนุญาตให้ขยายต่อไปอีกก็ได้”

หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Fanpage: https://www.facebook.com/UDOMKADEE