ซื้อของออนไลน์แล้วโดนโกง โดนมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน พอมารู้ตัวอีกทีก็ปิดเบอร์หนีไปซะเเล้ว
ในยุคนี้การซื้อขายสินค้าออนไลน์ ถือเป็นเรื่องยอดฮิตในสมัยนี้ ไม่ว่าจะทางเว็บไซส์ เฟสบุ๊ค กลุ่มไลน์ต่างๆ เพราะให้ความสะดวกสบาย สามารถหาสินค้าที่ต้องการเพียงปลายนิ้ว และรอรับสินค้าที่บ้าน โดยไม่ต้องออกไปหาสินค้าตามสถานที่ต่างๆให้ยุ่งยาก แถมยังเปรียบเทียบราคาแต่ละที่ได้อีกด้วย
แต่การที่มีข้อดีก็มีข้อเสียอยู่บ้างนะครับ เนื่องจากร้านค้าออนไลน์บางร้าน มิจฉาชีพอาจจะเปิดมาเพื่อหลอกลวงลูกค้าก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่น สั่งซื้อของแล้วไม่ได้รับของ โอนเงินแล้วโดนปิดเพจหนี จึงเกิดคดีประเภทซื้อของออนไลน์ขึ้นมามากมาย วันนี้เราจะมีเทคนิคในการติดตามเงินคืนกันนะครับ
วิธีที่จะได้เงินคืนจากแม่ค้าออนไลน์ มีดังต่อไปนี้
1. เก็บข้อมูลการพูดคุย ข้อความแชท ข้อความในไลน์ หรืออีเมลล์ก็ตาม เก็บรูปภาพร้านค้า ลิ้งค์ URL ของเว็บร้าน และหลักฐานการโอนเงิน หรือหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แล้วปริ้นท์ออกมา
2. นำหลักฐานตามข้อ 1. ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่ผู้เสียหายโอนเงินให้กับร้านค้า เพราะถือว่าเป็นท้องที่ที่ความผิดเกิด เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีการกระทำความผิดจริง พนักงานสอบสวนจะทำการส่งหนังสือถึงธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อที่จะขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้ ทำให้บัญชีไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราว ธนาคารจะอายัดเงินไว้ชั่วคราวเท่าที่เสียหายเท่านั้น มิได้อายัดทั้งบัญชี
หรือมีอีกหนึ่งที่ ที่สามารถไปแจ้งความได้ คือที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมอิเล็คทรอนิกส์โดยตรง ก็อาจจะช่วยในเรื่องของการตรวจสอบชื่อผู้ขอเปิดเว็บไซส์ ผู้ใช้เฟสบุค หรือผู้ใช้ไลน์ หรือเบอร์โทรศัพท์ของผู้ร้ายได้เร็วขึ้น
3. ในระหว่างนี้ หากเชื่อว่ามีการหลอกลวงการขายของออนไลน์จริง พนักงานสอบสวนจะทำการหมายเรียกตัวแม่ค้า พ่อค้าที่ ร้านค้าที่โกงเพื่อมาสอบถาม หรือสอบสวนแล้วแต่กรณี หากออกหมายเรียกแล้วยังไม่มาอีก ก็อาจจะออกหมายจับต่อไป
4. หากมีการอายัดบัญชีแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะทำการติดต่อเจ้าของบัญชี เพื่อแจ้งให้โอนเงินคืน หากเจ้าของบัญชียินยอมคืนเงิน คดีอาญาก็เป็นอันระงับไป แต่หากเจ้าของบัญชีผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและยื่นฟ้องเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
ขอให้สังเกตว่า พฤติการณ์เช่นนี้ เป็นรูปแบบของคดีฉ้อโกง ที่มีอายุความสั้นมาก ผู้เสียหายจะต้องแจ้งความ ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่รู้ว่าโดนหลอก มิฉะนั้น ท่านก็อาจจะเสียสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับเหล่ามิจฉาชีพพวกนี้ได้
ข้อความระวัง หากพบพนักงานสอบสวน ให้แจ้งความประสงค์ว่า “ ต้องการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดี หรือข้อความอื่นใดในทำนองเดียวกัน ” หากท่านไปเพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน จะเป็นเพียงการลงบันทึกเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น ซึ่งมีผลทำให้พนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจสอบสวนใดๆได้เลย จนทำให้เวลาล่วงเลยจนทำให้คดีอาญาขาดอายุความได้
จากประสบการณ์คดีที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า
จำเลยเปิดบริษัทจำกัด ประกอบกิจการจำหน่าย นำเข้า ส่งออก สินค้าเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง และผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวกับแพทย์ จำเลยยังเปิดบัญชีธนาคารในนามของบริษัทเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถืออีกด้วย จนทำให้บริษัทต่างชาติที่ไม่ได้มีตัวแทนในประเทศไทย สนใจสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซส์ รวมมูลค่าเงินกว่า 1,600,000 บาท (หนึ่งล้านหกแสนบาท) แต่จำเลยออกอุบายว่าต้องวางมัดจำค่าสินค้าก่อนล่วงหน้า 30 % เป็นเงินประมาณ 480,000 บาท และมีการถ่ายรูปสินค้าและโกดังเก็บของในลักษณะมีสินค้าพร้อมส่ง แต่แท้จริงแล้ว เป็นรูปภาพที่ไปถ่ายจากโรงงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และกำหนดวันส่งมอบทางท่าเรือ พอถึงเวลาส่งมอบกลับอ้างและบ่ายเบี่ยงว่า ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ เนื่องจากติดขัดทางศุลกากร จะขอเรียกเงินเพิ่มจากบริษัทผู้เสียหายอีกส่วนหนึ่ง เพื่อไปใช้ในการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ทางผู้เสียหายเห็นว่าพฤติการณ์เช่นนี้มีลักษณะหลอกลวง จึงมอบอำนาจให้มาดำเนินการแจ้งความและดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ซึ่งต้องขอบอกว่า ซื้อของออนไลน์แล้วโดนโกง มิจฉาชีพออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงขั้นพัฒนาเปิดเว็บไซส์ หารูปถ่ายสินค้า หรือหารูปถ่ายคู่กับสินค้า หรืออาจแอบอ้างรูปของบุคคลอื่นมากระทำความผิด และมีวิธีการใหม่ๆเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ขอให้ผู้ซื้อใช้ความระมัดระวังในการสั่งซื้อสินค้าและใช้บริการด้วยครับ
หากไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Fanpage:www.facebook.com/UDOMKADEE
