ฟ้องคดีชู้
วันนี้ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี มีหัวข้อที่น่าสนใจมาฝากกันอีกแล้ว ในกรณีพิจารณา ฟ้องคดีชู้ เรียกค่าสินไหมทดแทนกันอย่างไร
1. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนี้ ยังจำกัดเพศอยู่ นั่นคือ สามียังต้องเป็นเพศชาย ภรรยายังต้องเป็นเพศหญิงเท่านั้น โดยถือเพศกำเนิดจากการเกิดเท่านั้น มิได้ถือเอาตามรสนิยมที่ชอบเฉพาะส่วนบุคคล
2.พิจารณาดูว่าระหว่างสามีภรรยา มีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายหรือไม่ การจดทะเบียนสมรสสามารถจดได้ทั้งตามกฎหมายของประเทศไทย หรือของกฎหมายต่างประเทศ ก็ถือว่าเป็นการจดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
3. การจดทะเบียนสมรส คู่สมรสต้องมีเจตนาอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาด้วย หากว่ามีเจตนาที่จดทะเบียนสมรสไว้เพื่อทำนิติกรรมอำพรางอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ ผู้มีส่วนได้เสีย สามารถฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้การสมรสสิ้นสุดลงได้ แต่หากยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลนั้น ยังถือว่าการสมรสตามกฎหมายยังคงอยู่นั่นเอง
เมื่อพิจารณาครบทั้งสามข้อนี้
ต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้หญิงกับเจ้าของกระทู้มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกันแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงบอกว่ามีแฟนแล้ว แต่เป็นกระเทย ซึ่งข้อความนี้เป็นสาระสำคัญ ผมขออนุมานว่า ผู้หญิง กับ ผู้ชายนั้น ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแล้ว แต่เพศสภาพอาจเปลี่ยนไปหลังจากจดทะเบียนสมรสและยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าอยู่นั่นเอง ดังนั้น กฎหมายยังต้องถือว่า ผู้หญิง กับ ผู้ชาย ยังคงเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ และเจ้าของกระทู้ก็ทราบข้อเท็จจริงแล้ว ว่าหญิงนั้นมีสามี ยังคงไปมีความสัมพันธ์กันอีก ดังนั้น เจ้าของกระทู้อาจถูกฟ้องในข้อหาเป็นชู้ และเรียกค่าเสียหายได้ครับ
ส่วนประเด็น “ผู้หญิงบอกว่าแฟนให้ไปมีอะไรกับใครก็ได้” สำนักงานกฎหมาย ฯ เห็นว่า อาจจะเป็นหนึ่งในข้อต่อสู้ในชั้นสืบพยาน แต่ในแง่มุมหนึ่งอาจะเป็นการกล่าวอ้างลอยๆที่ไม่มีอะไรมายืนยันข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ได้
สรุป สำหรับ ฟ้องคดีชู้ ได้หรือไม่ พิจารณาจากทะเบียนสมรสเป็นอันดับแรก หากไม่มีทะเบียนสมรสแต่เพียงแค่อยู่กินกันฉันสามีภริยา แม้จะอยู่กันมานานเท่าไร ก็ไม่อาจจะเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย
หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Fanpage: https://www.facebook.com/UDOMKADEE