อยากเป็นทนายความต้องเรียนอะไร

อยากเป็นทนายความ ต้องเรียนอะไร

          อาชีพทนายความเป็นอาชีพยอดนิยมใน 2- 3 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยแรงบันดาลใจจากซีรี่ย์เกาหลี หรือจากภาพข่าวที่คดีดังๆ จะมีการเชิญทนายความหรือนักกฎหมายมาแสดงข้อคิดเห็น แสดงวิสัยทัศน์ในคดีต่างๆ จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า อยากเป็นทนายความ ต้องเรียนอะไร

          การเป็นทนายความ ต้องผ่านขั้นตอนการเรียนปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ บัณฑิต หลักสูตร 4 ปี ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทย มหาวิทยาลัยทั่วประเทศได้เปิดคณะนิติศาสตร์ เกือบจะทุกที่แล้ว เพื่อรองรับนักกฎหมายรุ่นใหม่ๆเข้ามา

เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ต้องเตรียมตัวสอบเพื่อขอใบอนุญาตว่าความ ที่จะเรียกทั่วๆไปมีอยู่ 2 ชนิด คือ

  1. ตั๋วรุ่น
  2. ตั๋วปี

ซึ่งทั้งตั๋วรุ่นและตั๋วปี มีข้อแตกต่างดังนี้

  1. ตั๋วรุ่น คือ ผู้ที่ประสงค์จะสอบขอใบอนุญาตว่าความ จะต้องรอประกาศจากสภาทนาย ว่าจะมีการจัดสอบเมื่อไร สามารถดูวันสอบ คุณสมบัติผู้สมัคร และการแต่งตัวเพื่อเข้าสอบ ซึ่งตั๋วรุ่นนี้ จะมีแบ่งได้อีก 2 ชนิด คือ 1.1 ตั๋วรุ่นภาคทฤษฎี 1.2 ตั๋วรุ่นภาคปฏิบัติ

          ตั๋วรุ่นภาคทฤษฎี และตั๋วรุ่นภาคปฏิบัติ เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร

          ตอบ ตั๋วรุ่นภาคทฤษฎี และตั๋วรุ่นภาคปฏิบัติ รายละเอียดและเนื้อหาของการสอบเหมือนกัน จะแตกต่างกันตรงที่ ตั๋วรุ่นภาคทฤษฎี ผู้แจกข้อสอบ จะให้สมุดมาหนึ่งเล่มพร้อมข้อสอบ ซึ่งตั๋วรุ่นภาคปฏิบัติจะให้แบบฟอร์มศาลที่ใช้งานจริง พร้อมข้อสอบ

          ข้อแตกต่างที่สอง คือ ผู้ประสงค์จะเป็นทนายความ จะต้องสอบตั๋วรุ่นภาคทฤษฎีให้ผ่านก่อน หลังจากนั้น รอประมาณ หกเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประสงค์จะเป็นทนายความไปหาสำนักงานกฎหมายเพื่อฝึกงานจริงๆก่อนเพื่อจะได้รู้จักแบบฟอร์มศาลและเทคนิคการเขียนข้อสอบในภาคปฏิบัติที่ยากขึ้น

          เมื่อฝึกงานครบหกเดือนแล้ว รอประกาศจากสภาทนายความเพื่อเปิดสอบตั๋วทนายภาคปฏิบัติ ต่อไป

          ความเหมือนกันของตั๋วทนายภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ คือ ลักษณะของข้อสอบจะเหมือนกัน ซึ่งโดยหลักๆแล้ว ข้อสอบจะให้ข้อเท็จจริงมาหนึ่งเรื่อง เรียกว่าข้อสอบตุ๊กตา จะมีเนื้อหาดังนี้

          เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2545 นายมั่งมี ทุกวัน อยู่บ้านเลขที่ …………………………………………………… ได้มากู้เงินจากนางใจร้าย แสนดี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ …………………………………………… เป็นเงิน 100,000 บาท โดยมีข้อตกลงในสัญญากู้ กำหนดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เป็นรายเดือนในวันสิ้นเดือนของทุกเดือน เริ่มตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม 2545 เป็นต้นไป กำหนดชำระเงินต้น คืนภายใน 1 ปีนับแต่วันทำสัญญา

          เมื่อทำสัญญากู้ไปแล้ว นายมั่งมี ทุกวัน ชำระดอกเบี้ยให้เพียง 3 เดือน และเมื่อถึงกำหนดชำระเงินต้นตามสัญญา ก็ยังไม่ชำระเงินต้นให้อีก นางใจร้าย แสนดี ได้ติดตามทวงถามแต่นายมั่งมี ทุกวันบ่ายเบี่ยง เรื่อยมา

          เดือนเมษายน 2546 นางใจร้าย แสนดี ได้มาพบท่านซึ่งเป็นทนายความชื่อ อุดมคดี เจ้าของสำนักงานตั้งอยู่ที่ 223/92 หมู่ที่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ออกหนังสือทวงถาม และได้ออกหนังสือทวงถามส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2545 ไปถึงนายมั่งมี ทุกวัน ให้นำเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2545 จนถึงวันชำระเงินครบถ้วน มาชำระให้แก่นางใจร้าย แสนดี ภายใน 15 วัน หากไม่ชำระจะใช้สิทธิทางศาล ฯ

จากนั้นมีคำถามให้ผู้เข้าสอบตอบคำถามประมาณ 5 ข้อ ซึ่งอาจจะปะปนกันไปจาก 10 ข้อตัวอย่าง ดังนี้ เช่น

  1. หนังสือทวงถาม /หนังสือบอกเลิกสัญญา
  2. บรรยายฟ้อง และคำขอท้ายฟ้อง (คดีแพ่ง/ คดีอาญา)
  3. คำแถลงขอปิดหมายและส่งหมายข้ามเขต
  4. ใบแต่งทนาย
  5. คำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยในข้อกฎหมาย
  6. คำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติม
  7. คำแถลงขอคัดเอกสาร
  8. สัญญาประนีประนอมยอมความ
  9. คำร้องขอรวมคดี
  10. คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก

นอกจากข้อเขียน จะมีข้อสอบปรนัย (กากบาท) มาด้วยอีก 20 ข้อ

          2. ตั๋วปี คือ ผู้ที่ลงชื่อเข้าฝึกสำนักงานกฎหมายแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยขอรับแบบฟอร์มโดยแจ้งว่า “ขอแบบฟอร์มเข้าฝึกสำนักงานกฎหมายเพื่อสอบตั๋วปี” เจ้าหน้าที่จะนำแบบฟอร์มมาให้ จากนั้นนำเอกสารดังกล่าวไปให้ทนายความเจ้าของสำนักงานกฎหมายที่มีใบอนุญาตว่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี ลงลายมือชื่อรับรองและกรอกรายละเอียด แล้วนำส่งกลับไปที่สภาทนายอีกครั้ง จากนั้นผู้เข้าสอบก็ทำงานหรือฝึกในสำนักงานกฎหมายนั้นให้ครบหนึ่งปี แล้วรอประกาศเพื่อสมัครสอบแบบตั๋วปีครับ

ข้อดีของการสอบตั๋วปี คือสอบเพียงครั้งเดียว หากสอบผ่าน ก็เตรียมเอกสารขึ้นทะเบียนการเป็นทนายความได้

ลักษณะข้อสอบของตั๋วปี จะให้ร่างฟ้อง ,คำขอ , คำแถลง ในแบบฟอร์มศาลจริงๆ เหมือนตั๋วรุ่นภาคปฏิบัติเลย

เกณฑ์คะแนนผ่านคือ 50 คะแนน

          เมื่อสอบผ่านจากจุดนี้มาแล้ว ต่อมา จะมีการนัดสอบอีกส่วนหนึ่ง ที่เรียกว่า สอบปากเปล่า วิธีการสอบปากเปล่าคือ จะมีคณะกรรมการอย่างน้อย 2 คน จะถามคำถามมา 1 ข้อ และให้ตอบตามหลักกฎหมายที่ได้เรียนมาในชั้นปริญญาตรี ชุดคำถามที่อุดมคดีเคยโดนถามคือ ” สิทธิของผู้ต้องหา หากถูกจับมีอะไรบ้าง ” อันนี้คือตัวอย่าง ซึ่งจากสถิติน้อยมากที่จะไม่ผ่านการสอบปากเปล่า

เมื่อผ่านการสอบปากเปล่าแล้ว จะมีการอบรมจริยธรรม และรับใบประกาศ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนในส่วนของสภาทนายความ

          ขั้นตอนต่อไป ให้ไปลงทะเบียนวิสามัญสมาชิกที่เนติบัณฑิตยสภา ยื่นคำร้องและเขียนคำขอที่เนติบัณฑิตยสภาได้เลย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะได้รับการรับรอง หรือหากสอบเนฯผ่านทุกขาแล้ว ก็จะได้ เป็นสามัญสมาชิกโดยอัตโนมัติ

          เมื่อได้รับการอนุมัติจากเนฯ แล้ว ผู้ประสงค์จะเป็นทนายความก็ยื่นคำขอจดทะเบียนที่สภาทนาย หลักสี่ เมื่อสภาทนายได้ตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว สภาทนายก็จะออกใบอนุญาตให้เป็นทนายความ โดยจะได้เอกสารมา 2 ส่วนคือ 1.บัตรทนาย 2.สมุดพกทนายขนาดเล่มเท่าพาสปอร์ต เพียงเท่านี้ ท่านก็จะมีคุณวุฒิในการเป็นทนายความแล้ว

สรุป วันนี้ครบทุกหัวข้อแล้วกับ อยากเป็นทนายความ ต้องเรียนอะไร ตั๋วทนายสอบอะไรบ้าง อยากเป็นทนายต้องทำอย่างไร แนวข้อสอบตั้งแต่ต้น จนได้รับ ใบอนุญาตว่าความครับ

หากไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานทนายความ อุดมคดี ได้ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Web: https://www.facebook.com/UDOMKADEE