เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ

เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ

สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี เป็น สำนักงานทนายความ ทนายความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ครับ ให้บริการปรึกษาคดี วางแผนทางคดี ให้คำแนะนำเบื้องต้นด้านกฎหมาย คดีอาญา คดีแพ่ง คดีครอบครัว คดีที่ดิน คดีก่อสร้าง ฯลฯ สำนักงาน กฎหมาย มีบทความเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ หลักเกณฑ์จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้เลยครับ

มาตรา 148 ความผิดฐาน เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ

          การที่จะเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 จะต้องเป็นเรื่องที่จำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยใช้อำนาจข่มขืนใจให้เขามอบให้ หรือหาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิใช่เรื่องเรียกทรัพย์เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งเป็นการตอบแทน เช่น จำเลย แกล้งจับเขามาข่มขู่ ขืนใจ เรียกเอาเงินทองเขาโดยไม่ปรากฎว่าเกิดการกระทำผิดขึ้น

          ข้อสังเกต จำเลยกระทำความผิดเจ้าพนักงานได้จับกุมตามหน้าที่ และเรียกหรือรับเอาเงินแล้วปล่อยตัวไป ดังนี้ ถือว่าเจ้าพนักงานงดเว้นไม่กระทำการตามตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นการมิชอบ ย่อมเป็นความผิดตามมารตรา 149

  • กรณีแกล้งจับ ถือเป็นการที่ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ ผิดมาตรา 148

          คำพิพากษาฎีกาที่ 599/2505 นางสาวเซี่ยมล้อกำลังนับเงินอยู่ในร้าน มีนายดวง นายบุญชู กับพวกนั่งอยู่ด้วย จำเลยเป็นตำรวจเข้ามาจับคนทั้งสามว่าเล่นการพนันสลากกินรวบ และยึดเงินนางสาวเซี่ยมล้อไป แล้วจำเลยไม่นำตัวผู้ต้องหาไปสถานีตำรวจ กลับพูดให้นางสาวเซี่ยมล้อหาเงินมาให้จำเลย 3,000 บาทแล้วจะปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสาม นางสาวเซี่ยมล้อหาเงินไม่ได้ จำเลยจึงนำตัวนางสาวเซี่ยมล้อส่งสถานีตำรวจ แจ้งข้อหาว่าไม่มีใบสำคัญคนต่างด้าว นางสาวเซี่ยมล้อถูกปรับฐานไม่นำบัตรประชาชนติดตัว จำเลยออกเงินค่าปรับให้แล้วปล่อยตัวกลับบ้าน ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 149 ลงโทษเจ้าพนักงานผู้เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในตำแหน่งของตน แต่พฤติการณ์ของจำเลยนี้ได้แกล้งจับผู้เสียหายกับพวกมาแล้วขู่เอาเงินไว้ จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 149 เป็นความผิด มาตรา 148

          คำพิพากษาฎีกาที่ 1084/2536 จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวหาว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน อย่างนี้ต้องมีผลประโยชน์และให้เอาเงินใส่ซองมาให้บ้าง ถ้าไม่ให้จะตามสารวัตรปกครองป้องกันมาดำเนินการจับกุม เมื่อโจทก์ร่วมไม่ให้เงินแก่จำเลย จำเลยได้ไปแจ้งเหตุต่อ สวป. ว่าพวกในตลาดกำลังเล่นการพนันสลากกินรวบ ขอให้ไปทำการจับกุมตามที่จำเลยขู่โจทก์ร่วม แต่ปรากฎว่าไม่มีการเล่นแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจูงใจเพื่อให้โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้โดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ มีความผิดมาตรา 148

  • กรณีไม่ได้แกล้งจับ กล่าวคือ เริ่มต้นจับกุมโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบ

          คำพิพากษาฎีกาที่ 1749/2545 พฤติการณ์ที่จำเลยจับกุมผู้เสียหายในข้อหาลักทรัพย์ของ ส. แล้วให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม ากนั้นนำผู้เสียหายไปควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจประมาณ 30 นาที จึงเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อแลกเปลี่ยนกับปล่อยตัวไม่ดำเนินคดี โดยนำผู้เสียหายออกมาโทรศัพท์หา ก. ภริยาผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อจำเลยได้รับเงิน 3,000 บาท จากผู้เสียหาย จึงปล่อยผู้เสียหายไปนั้น เป็นกรณีไม่กระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบด้วยหน้าที่ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149

          คำพิพากษาฎีกาที่ 1138/2505 เจ้าพนักงานจับกุมเครื่องชั่งผิดพิกัด แล้วเรียกเงินเขา หลังจากนั้นก็ปล่อยตัวไป ผิด มาตรา 149 แต่ไม่ผิด มาตรา 148

องค์ประกอบความผิด

องค์ประกอบที่ 1. คำว่า “เจ้าพนักงาน” มาตรา 1(16) จึงมิใช่เป็นเพียงเฉพาะเจ้าพนักงานตำรวจเท่านั้น แต่รวมถึงเจ้าพนักงานในตำแหน่งอื่นๆด้วย

องค์ประกอบที่ 2. “ต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่ง” และ “โดยมิชอบ” การกระทำความผิดตามมาตรา 148 เริ่มต้นจากการใช้อำนาจ โดยไม่ชอบ คือ ผู้ถูกข่มขืนใจไม่ได้กระทำความผิดเลย

          คำพิพากษาฎีกาที่ 2573/2553 จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ กองปราบข่มขู่ให้โจทก์ร่วมนำเงินมามอบให้โดยอ้างว่า เพื่อลบชื่อโจทก์ร่วมออกจากบัญชีผู้ค้ายาเสพติดและเพื่อที่จะไม่ให้จับกุมโจทก์ร่วมถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ และจูงใจ เพื่อให้โจทก์ร่วมมอบให้ซึ่งทรัพย์สินแก่ตนเอง

  • การทำ “นอกอำนาจในตำแหน่ง” ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ เพราะมิใช่การใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่

          คำพิพากษาฎีกาที่ 119-120/2518 จำเลยมีหน้าที่ตรวจสอบภาษีบำรุงท้องที่ว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ไม่มีอำนาจเรียกเก็บภาษี จำเลยไปพูดจูงใจแก่ผู้เสียหายน เสียภาษีเกินกว่าที่ต้องเสีย แล้วเอาส่วนเกินไว้เอง ไม่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งไม่ผิด มาตรา 148

          คำพิพากษาฎีกาที่ 1074/2532 จำเลยได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติราชการธุรการ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานทะเบียนรษฎรและบัตรประชาชน จำเลยไปเรียกร้องเงินจากผู้ที่มาขอจำเลย ไม่อาจกระทำความผิดในตำแหน่งดังกล่าวได้ ไม่ผิดมาตรา 148

  • ความผิดมาตรา 148 มิใช่ ต้องข่มขืนใจแต่อย่างเดียว เพียงแต่จูงใจก็เป็นความผิด (ฎีกา 1663/2513)
  • พูดหลอกลวง ไม่ใช่ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ไม่ผิดมาตรา 148 แต่ผิดมาตรา 157 ได้

          คำพิพากษาฎีกาที่ 2645/2527 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชนเป็นผู้วางโครงการจัดสร้างทำนบ ฝายน้ำล้นตามความต้องการของราษฎร เพื่อเสนอให้ พ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนำไปชี้แจงขอรับจัดสรรจากรัฐบาล การที่จำเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรที่เข้าร่วมประชุมด้วยการเสนอข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งว่า โดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปมอบให้ พ. เป็นค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นขอจัดสรรเงินจากทางราชการ และเอาเงินนั้นไว้เป็นของตน เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่การกระทำของจำเลยมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบโดยทุจริต แม้จะเป็นการจูงใจให้ราษฎรที่ประชุมมอบเงิน หรือทรัพย์สินให้แก่จำเลย ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148

  • เจ้าพนักงานที่ดินแนะนำให้ตั้งผู้จัดการมรดก และรับติดต่อทนายความให้ไม่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ

          คำพิพากษาฎีกาที่ 2389/2547 ผู้เสียหายมอบเงินจำนวน 3,700 บาท แก่จำเลยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของทนายความที่จะดำเนินการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายดำโดยจำเลยรับเป็นผู้ติดต่อหาทนายความให้ ดังนั้น แม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินมีหน้าที่ในการดำเนินเรื่องการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน แต่การที่จำเลยแนะนำผู้เสียหายว่าต้องดำเนินการร้องขอเป็นผุ้จัดการมรดกก่อน และรับผิดติดต่อทนายความ เพื่อดำเนินการร้องขอจัดการมรดกนั้น หาใช่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ หรือเป็นการปฏิบัติการ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157 ไม่

องค์ประกอบที่ 3. ข่มขืนใจ หรือจูงใจผู้อื่น

  • กรณีข่มขืนใจ

          คำพิพากษาฎีกาที่ 2573/2553 จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบปราม ขู่ให้ โจทก์ร่วมนำเงินมามอบให้ โดยอ้างว่าเพื่อลบชื่อโจทก์ร่วมออกจากบัญชีผู้ค้ายาเสพติด และเพื่อที่จะไม่จับกุมโจทก์ร่วมเป็นการกระทำความผิด

          คำพิพากษาฎีกาที่ 166/2547 เมื่อผลการตรวจค้นตัว ว. ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำรวจไม่มีอำนาจจับกุม ว. สมควรที่จำเลยที่ 1 จะต้องปล่อยตัว ว. ไป การที่จำเลยที่ 1 ยังจับกุม ว. จากท่าศาลาท่าน้ำ นำตัวไปไว้ที่สะพานข้ามคลองแสนแสบ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 148

  • กรณีจูงใจ

          คำพิพากษาฎีกาที่ 3953/2530 จำเลยได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัย ให้มีหน้าที่ควบคุมและตรวจงานก่อสร้างที่พักสำหรับนักศึกษา แล้วรายงานผลให้ประธานกรรมการตรวจการจ้างทราบ ซึ่งจำเลยอาจรายงานในทางให้คุณหรือให้โทษโดยเกี่ยงงอนว่างานงวดสุดท้ายที่จำเลยเรียกร้องเงินจาก พ. ตัวแทนของผู้รับจ้างในการที่จำเลยจะลงนามตรวจผ่านให้นั้น ยังไม่แล้วเสร็จบริบูรณ์ จามสัญญาจ้างก็ได้ จึงถือว่า จำเลยนใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจูงใจเพื่อให้ พ. ให้เงินดังกล่าวแก่จำเลยอันเป้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว

  • กรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการข่มขืนใจ หรือจูงใจ (มาตรา 148 , มาตรา 154)

จำเลยพูดว่า ค้าขายใหญ่โต ไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมงกลับมาเรียกเงิน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337 ประกอบด้วยมาตรา 80 แม้พฤติการณ์เช่นนั้นจะเป็นความผิด

          คำพิพากษาฎีกาที่ 670/2521 จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่า ผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียว่า ไม่มีจำเลยพูดว่า ค้ายขายใหญ่โต ไม่คิดติดต่อกับผู้เสียหายบ้างหรือ แล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000-4,000 บาท ผู้เสียหายบอกว่าจะให้ 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใดข้อหาหนึ่งแล้ว จำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหายจำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเองที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำอันตราต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหายการ กระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามปะมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337 ประกอบมาตรา 80

องค์ประกอบที่ 4. เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น

องค์ประกอบที่ 5. เจตนา ถ้าหากผู้กระทำไม่มีเจตนาก็ไม่เป็นความผิด

สรุป เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ดังนี้
(1) หากกระทำความผิดครบองค์ประกอบมาตรา 148 แล้ว อาจจะผิดฐานกรรโชกด้วย
(2) มาตรา 148 เริ่มต้นด้วยเจ้าหน้าที่กระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อน
(3) มาตรา 148 เป็นความผิดเฉพาะบท ไม่จำเป็นต้องไปปรับมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Fanpage : https://www.facebook.com/UDOMKADEE