โดนบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถ : สิ่งที่คุณควรรู้และทำ
โดนบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถ มักเกิดจากการผิดนัดชำระค่างวดติดต่อกันหลายงวด ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม มีรายละเอียดปลีกย่อยที่คุณควรทราบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างถูกต้อง
สิ่งที่คุณควรทำ
- ตรวจสอบสัญญา: ศึกษาสัญญาเช่าซื้ออย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะข้อกำหนดเกี่ยวกับการผิดนัดชำระ และผลที่ตามมา
- ติดต่อบริษัทไฟแนนซ์: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญา เช่น ยอดหนี้คงเหลือที่ต้องชำระ ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนการดำเนินการต่อไป
- เจรจา: หากคุณมีความเป็นไปได้ทางการเงิน ลองเจรจากับบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือปรับโครงสร้างหนี้ใหม่
- เตรียมพร้อมรับมือ: หากไม่สามารถเจรจาได้ผล คุณควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การถูกยึดรถ การถูกฟ้องร้อง และการถูกขึ้นบัญชีดำ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณรู้สึกสับสนหรือไม่มั่นใจในการดำเนินการด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ทนายความ
สิ่งที่คุณควรระวัง
- อย่าหลงเชื่อคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือ: ระวังการถูกหลอกลวงจากบุคคลที่อ้างว่าสามารถช่วยเหลือคุณได้ในราคาที่สูง
- เก็บหลักฐานทุกอย่าง: เก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าซื้อ การติดต่อกับบริษัทไฟแนนซ์ และหลักฐานการชำระเงินไว้ให้ครบถ้วน
- อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลาม: หากคุณมีปัญหาทางการเงิน ควรรีบแจ้งให้บริษัทไฟแนนซ์ทราบ เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน
โดยทั่วไปแล้ว การที่บริษัทไฟแนนซ์จะเข้ามาดำเนินการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถนั้น มักจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาแต่ละฉบับค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว หากคุณค้างชำระค่างวดรถติดต่อกันเกิน 3 งวด หรือประมาณ 3 เดือน บริษัทไฟแนนซ์ก็จะมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาดำเนินออกหนังสือบอกเลิกสัญญา
คดีส่วนต่างรถ อายุความกี่ปี?
แบ่งประเภทหนี้และอายุความได้ดังนี้
- หนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ: มีอายุความ 2 ปี นับจากวันครบกำหนดชำระแต่ละงวด
- หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระ: มีอายุความ 10 ปี นับจากวันครบกำหนดชำระงวดสุดท้ายตามสัญญา
- ฟ้องเรียกค่าขาดประโยชน์จะมีอายุความ 10 ปี
- ไฟแนนซ์เป็นเจ้าของรถยนต์จะสามารถติดตามรถคืน ตามมาตรา 1336 ไม่มีอายุความ
การไม่ไปศาลในคดีเช่าซื้อรถ มีผลกระทบที่สำคัญและอาจส่งผลเสียต่อตัวคุณอย่างมาก
เหตุผลที่ไม่ควรพลาดการไปศาล
- ศาลอาจพิพากษาให้คุณแพ้คดีโดยไม่ต้องมีการพิจารณา: หากคุณไม่ไปศาล ศาลอาจถือว่าคุณยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด และพิพากษาให้บริษัทไฟแนนซ์ชนะคดีได้เลย
- อาจมีการบังคับคดี: หากศาลพิพากษาให้คุณแพ้คดี บริษัทไฟแนนซ์ก็สามารถยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของคุณมาชำระหนี้ได้ รวมถึงอาจยึดรถที่คุณเช่าซื้อไปด้วย
- เสียโอกาสในการแก้ไขปัญหา: การไปศาลเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้เจรจากับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น การผ่อนชำระหนี้ หรือการปรับโครงสร้างหนี้
- ทนายความ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาดูแลในสำนวนคดีของคุณเพื่อหาช่องทางในการต่อสู้คดี
หากคุณได้รับหมายศาล ควรทำอย่างไร
- อ่านหมายศาลให้ละเอียด: ศึกษารายละเอียดในหมายศาลให้เข้าใจ เช่น วัน เวลา สถานที่ที่ต้องไปศาล ข้อกล่าวหา และหลักฐานที่บริษัทไฟแนนซ์นำมาสู้คดี
- ปรึกษาทนายความ: การปรึกษาทนายความจะช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของคุณในคดี และวางแผนการต่อสู้คดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เตรียมเอกสารหลักฐาน: รวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
- ไปศาลตามวันและเวลาที่กำหนด: อย่าพลาดการไปศาล เพราะอาจส่งผลเสียต่อคดีของคุณ
- ฟังคำพิพากษาของศาล: เมื่อศาลอ่านคำพิพากษา คุณควรฟังให้ละเอียด เพื่อจะได้ทราบถึงสิทธิในการอุทธรณ์หากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลาม หากคุณมีปัญหาในการชำระหนี้ ควรติดต่อกับบริษัทไฟแนนซ์โดยตรง เพื่อเจรจาขอผ่อนผัน หรือปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะถึงขั้นถูกฟ้องร้อง
ปัจจุบัน มีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่น่าสนใจ ที่ระบุว่า สัญญาว่าให้รับผิดส่วนต่างนั้น บังคับไม่ได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญาเช่าซื้อกันแล้ว ดังนั้น ผู้เช่าซื้ออาจไม่ต้องรับผิดชอบเงินส่วนต่างอีก
บังคับคดีในคดีอื่น ยึดรถติดไฟแนนท์ได้ไหม
ไม่สามารถอายัดได้ นอกจากนี้ หากลูกหนี้มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ยังติดไฟแนนซ์อยู่ เพราะเจ้าหนี้จะไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทไฟแนนซ์ ยังไม่ใช่ของเรา
หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ติดต่อ สำนักงานกฎหมาย อุดมคดี ที่
เบอร์ 082-583-8658
Line:@Udomkadee
Fanpage: https://www.facebook.com/UDOMKADEE